วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ประสบการณ์ของผู้ที่เรียนภาษาจีนด้วยตนเอง

พอดีมาเจอตัวอย่างจริง ของผู้ที่เรียนภาษาจีนด้วยตนเอง มาแนะนำวิธีการเรียน
How I Learned Chinese for 6 Months | Five Hacks for Mandarin
ความยาว 11.16 นาที โดย Vicky


1. Strong Basic Foundation สร้างพื้นฐานให้แข็งแกร่ง

อย่าได้พยายามหาวิธีที่ง่ายและเร็วในการเรียนภาษา พื้นฐานจะเป็นเสมือนเสาสำหรับรองรับการเรียนภาษาทั้งหมดของคุณ มันไม่ได้เกินไปที่จะบอกว่า ภาษาขั้นพื้นฐานจะเป็นตัวตัดสินว่าต่อไปคุณจะสามารถพัฒนาการใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องและคล่องแคล่วได้หรือไม่ อย่าละเลยขั้นพื้นฐาน!!!

ในขั้นเริ่มต้น ให้หาสื่อที่จะเรียนภาษาขั้นพื้นฐานให้ได้ 1-2 อย่าง และตั้งใจเรียนอย่างต่อเนื่อง อย่าสลับไปทางโน้นทีทางนี้ทีเพราะจะไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย

ให้ใช้หลักพาเรโต (กฎ 80/20) กล่าวคือ สิ่งที่สำคัญจะมีเพียง 20% ของทั้งหมด แต่กลับให้ผลงานคิดเป็น 80% ทีเดียว (ตัวอย่างเช่น หากคุณครูให้จับกลุ่มกันทำรายงานจำนวน 10 คน จะมีเพียง 2-3 คนเท่านั้นที่เป็นแกนนำในการทำการบ้านเกือบทั้งหมด ที่เหลือจะช่วยกันทำเล็กๆน้อยๆเท่านั้น) ดังนั้นจงโฟกัสเฉพาะสิ่งที่สำคัญเท่านั้น (Essentials)

ในช่วงเริ่มต้น Vicky ได้ไปร้านหนังสือเพื่อเลือกหนังสือขั้นพื้นฐานมาศึกษา เธอเลือกหนังสือที่มีบทสนทนาสั้นๆ และภาพประกอบจะได้ไม่รู้สึกเบื่อ และหนังสือยังมี Audio CD และแบบฝึกหัด ช่วยให้ฝึกฝนทั้งการอ่าน การเขียนและการฟังไปพร้อมๆ กัน

เธอยังแนะนำ Chinese Skill ซึ่งเป็น app บนมือถือ มีสื่อการสอนสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน ทำให้เธอใช้เวลาขณะนั่งรถเดินทางสามารถเรียนภาษาจีนได้ หรือขณะเดินบนทางเท้า แทนที่จะฟังเพลงทั่วไปเธอก็เปิดไฟล์เสียงเพื่อฟังแทนได้ เธอยังรู้สึกว่าเรียนผ่านแอปไม่น่าเบื่อ กลับคล้ายว่ากำลังเล่นเกมส์หรือกำลังฟังเพลงอยู่ เธอยังเน้นว่าในช่วงแรกควรหาวิธีเรียนที่ค่อนข้างสนุก จะได้ไม่รู้สึกว่าหนักเกินไป เลยเบื่อและเลิกเรียนไปเสียก่อน


2. Work your way down from advance to basic เริ่มจากขั้นสูงไปขั้นพื้นฐาน !!

อ่านแล้วไม่ต้องงง Vicky อธิบายว่าในฐานะที่เป็นผู้เรียนระดับต้น (Beginner) หรือก่อนขั้นกลาง (Pre-Intermediate) คุณก็ไม่จำเป็นต้องรอจนกระทั่งคุณทราบหลักไวยากรณ์ทั้งหมดหรือจำคำศัพท์ให้ได้มากๆ เสียก่อน ที่จะเรียนภาษาจีนในขั้นสูง โดยส่วนตัวของ Vicky นั้น เธอเริ่มศึกษาจากบทภาพยนตร์และเนื้อเพลงหลังจากเริ่มเรียนภาษาจีนได้ราว 3 เดือน หลายคนอาจคิดว่าเร็วเกินไปเพราะในช่วงแรกนั้นคุณยังไม่ทราบภาษาจีนดีพอที่จะเข้าใจของพวกนั้น แต่ Vicky อธิบายว่า จริงๆ แล้วคุณควรศึกษาจากภาพยนตร์หรือเพลง ไม่ใช่เพราะว่าคุณสามารถเข้าใจมันได้แล้ว แต่เป็นเพราะคุณยังไม่เข้าใจพวกมัน จึงต้องการศึกษาเพิ่มเพื่อเข้าใจมัน

สิ่งที่เธอทำคือ หลังจากดูภาพยนตร์หรือเพลงที่ชอบแล้ว เธอจะพิมพ์บทภาพยนตร์หรือเนื้อเพลงออกมา แล้วไล่ไปทุกคำ คำไหนที่ไม่เข้าใจก็ให้เปิดพจนานุกรม ส่วนไวยากรณ์จุดไหนที่ไม่เข้าใจ ให้ทำเครื่องหมายเอาไว้เพื่อถามเพื่อนคนจีนหรือศึกษาใน Chinese Grammar Wiki เอง จากวิธีการนี้จะทำให้ได้คำศัพท์ที่พบบ่อย รูปแบบของประโยคและวลี (ผู้แปล: อย่าลืมกฎพาเรโต --ให้เน้นเพราะสิ่งที่พบในภาพยนตร์จะเป็นสิ่งที่คนจีนใช้สนทนากันบ่อยๆจริง) และยังได้คุ้นเคยกับสำเนียงและวิธีพูดของคนจีนที่ใช้สนทนากันจริงๆ เธอเน้นว่าเป็นวิธีการที่ได้ผลดีมากกว่าขอให้ใครมาอธิบายคำศัพท์และไวยากรณ์ให้ฟังเสียอีก แถมยังไม่น่าเบื่ออีกด้วย


3. Fill your surroundings in Chinese เพิ่มโอกาสการใช้ภาษาจีนในชีวิตประจำวัน

เธอใช้วิธีตั้งค่าภาษาของโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค และ social media ให้เป็นภาษาจีน ซึ่งนอกจากจะมีโอกาสในการใช้ภาษาจีนเพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะได้ความรู้สึกต้องเตรียมพร้อมสำหรับกรณีฉุกเฉินด้วย (พอคอมพิวเตอร์แสดงข้อความเตือนขึ้นมา เธอก็ต้องรีบอ่านให้เข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็ต้องรีบเปิด dictionary) ซึ่งคำศัพท์ที่เจอในกรณีดังกล่าว เธอรู้สึกว่าจะจำได้ดีกว่า (เพราะจำเป็นต้องใช้) นอกจากนั้นเธอยังเขียนโน้ตแปะผนังห้องเป็นภาษาจีน มีทั้งสำนวนและคำศัพท์ที่อยากจะจำให้ได้ มีประโยชน์เวลาไม่ได้ทำอะไร ก็มองเห็นคำศัพท์บนผนังเป็นการเรียนไปในตัว


4. Bond with native speakers เกาะติดเจ้าของภาษา

สำคัญมาก เพราะในการเรียนภาษาต่างประเทศ บางประเด็นเราจะทราบได้จากการแนะนำจากเจ้าของภาษาเท่านั้น เช่น มุขตลก วัฒนธรรมของแต่ละชาติ เกร็ดความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการใช้ภาษา การใช้ภาษาอย่างเหมาะสม เป็นต้น ในส่วนตัวของ Vicky เธอได้คุยทาง Skype กับเพื่อนชื่อ Carol ด้วยภาษาจีนทุกสัปดาห์ และเขียนจดหมายถึงกันในบางครั้ง ได้ทั้งภาษาและได้เพื่อนอีกด้วย นอกจากนั้นเธอยังมีเพื่อนชาวไต้หวันชื่อ Bill ที่มาเรียนที่กรุงโซล เป็น language partner ซึ่งมักจะนัดเจอกันโดย Bill จะแก้ภาษาจีนให้เธอ ส่วนเธอก็คอยช่วยเหลือด้านภาษาเกาหลีให้แก่ Bill การสนทนาโดยส่วนใหญ่จะอาศัยการใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลาง ซึ่งเธอพบเพื่อนทั้งสองผ่านทาง www.converstionexchange.com และเธอยังแนะนำ meetup.com เพื่อหากลุ่มคุยแลกเปลี่ยนภาษาในพื้นที่อีกด้วย


5. Intergrate your hobby into your learning routine เอาสิ่งชอบมาช่วยในการเรียนภาษา

ข้อนี้เกี่ยวข้องกับคำแนะนำข้อ 2 ที่เธอกล่าวมาแล้ว เธอบอกว่าหากคุณสนุกและชอบอะไรก็ตาม คุณจะหาเวลาและทุ่มเทเพื่อทำมันไปเอง ดังนั้นจงพยายามหาวิธีเรียนภาษาจากสิ่งที่ชอบ จะได้ไม่รู้สึกเบื่อ สำหรับ Vicky เธอชอบอ่านหนังสือ เธอจึงหาหนังสือที่เป็นภาษาจีนสำหรับเด็กมาอ่านหรือหาอ่านจากเวปไซต์ แล้วเก็บสุภาษิตหรือคติหรือข้อความอื่นๆ ที่ชอบลงในสมุดบันทึก เธอรู้สึกว่าการเขียนตัวอักษรจีนสวยๆ ลงในสมุด ช่างมีความสุขเสียจริงๆ เธอยังสนใจเรื่องราวที่มาของตัวอักษรจีนอีกด้วย ทำให้เธอรู้สึกรักภาษาจีนยิ่งขึ้น เธอหวังว่าทุกคนที่ดูคลิปของเธอจะรักภาษาจีนเหมือนอย่างที่เธอรักเช่นกัน


---------

แนะนำลิงค์:

แชร์ Hanyu_Jiaocheng – e-book(pdf) + ไฟล์เสียง หนังสือเรียนและไฟล์เสียงต้นฉบับที่ใช้สอนในห้องเรียน

เกมพินอิน ฝึกพินอินผ่านเกมส์ ถ้าแยกความแตกต่างของพินอินไม่ได้ ก็จะฟังแล้วจับว่าเป็นคำอะไรไม่ถูกครับ

มาฝึกภาษาจีนด้วยซีรีย์จีนกันเถอะ 

How to learn any language in six months เรียนภาษาอย่างไรให้ได้ในหกเดือน







วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2562

มาฝึกภาษาจีนด้วยซีรีย์จีนกันเถอะ


เคยสงสัยหรือไม่ว่า เรียนภาษามาตั้งนานแล้ว ทำไมยังพูดไม่ค่อยคล่องเสียที ?

ก่อนจะแนะนำวิธีการฝึกภาษาจีน ต้องขอแชร์ประสบการณ์การใช้งานภาษาอังกฤษก่อนครับ  ตั้งแต่เด็ก เรียนในโรงเรียน ก็เน้นไวยากรณ์และคำศัพท์เป็นหลัก เมื่อเข้าทำงาน ก็สามารถเอามาใช้เขียนรายงาน เขียนจดหมายได้เป็นอย่างดี เพียงแต่การพูดยังไม่ค่อยคล่องนัก  ต่อมาย้ายที่ทำงานแล้วต้องไปอยู่หอพัก มีเวลาหลังเลิกงานมาก จึงดูเคเบิ้ลทีวีช่อง HBO ซึ่งเป็นภาพยนตร์ soundtrack แต่มีซับไทย ดูรอบแรกก็ดูเอาอรรถรส อ่านซับไทยไปด้วย แต่พอ HBO เอากลับมาฉายซ้ำอีก ก็ลองหาอะไรมาบังซับไทยเอาไว้ แล้วลองดู ฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้บ้าง ก็ดูๆ ไปเรื่อยๆ ....  เวลาผ่านไป 4 เดือน ก็มีโอกาสร่วมงานติดต่อกับชาวต่างประเทศ พอได้อ้าปากพูดเท่านั้น ก็ตกใจตัวเองเลย เพราะพูดออกมาอย่างคล่องแคล่ว สำเนียงดีขึ้นมาก ไม่ติดขัดเลย  ทั้งที่ไม่ได้เรียนภาษาเพิ่มเลย แค่เปิดหนังดูเท่านั้น

ดังนั้นพอมาเรียนภาษาจีน ผมจึงเน้นใช้การดูซีรีย์เป็นการฝึกภาษาครับ การดูซีรีย์ยังจะได้เรียนรู้สิ่งที่ไม่มีในตำรา เช่น วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม วิถีการดำเนินชีวิตและวิธีคิดของคนจีนอีกด้วย สาเหตุที่เลือกดูซีรีย์เป็นเพราะจะได้เนื้อหาในเชิงลึก ครอบคลุมการใช้งานมากกว่าภาพยนตร์ที่มีเวลาจำกัด  การฝึกภาษาจีนด้วยซีรีย์ ควรเลือกซีรีย์จีนที่เป็นยุคปัจจุบัน ที่ไม่ใช่ซีรีย์กำลังภายใน ย้อนยุคย้อนเวลา (เพราะภาษาย้อนยุคกับภาษาปัจจุบันมีความแตกต่างกัน เรามีเวลาจำกัดควรเน้นที่จะใช้งานจริง) นอกจากนั้นควรเลือกดูซีรีย์หลายๆ แนว จะได้คำศัพท์ที่ครอบคลุมหลากหลาย ไม่ใช่เอาแต่ดูหนังรักโรแมนติกอย่างเดียว

ผมได้ลองเอาซีรีย์ยุคปัจจุบันมาประมาณ 10 เรื่อง ลองแกะทุกตัวอักษรดู พบว่าครอบคลุมศัพท์ HSK 1-5 เกือบ 99% ส่วนระดับ HSK 6 จะครอบคลุมประมาณ 71% นั่นแสดงว่าการดูซีรีย์สามารถช่วยในการทบทวนคำศัพท์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังได้ทราบบริบทข้างเคียง เปรียบได้กับประโยคตัวอย่าง ทำให้จำไปใช้งานได้จริงอีกด้วย คำศัพท์ที่พบในซีรีย์จะเป็นคำศัพท์ที่คนจีนใช้กันจริง คำศัพท์ที่คนจีนใช้บ่อยก็จะพบบ่อยในซีรีย์ เราก็จะจำได้ก่อน ดูๆไปเรื่อยๆ ก็จะค่อยๆ ซึมเข้าไป สามารถจำและใช้งานได้คล่องไปเอง จะเป็นการใช้อย่างที่คนจีนใช้กันจริงๆ เพราะบางครั้งเราพูดตามที่เราเรียนมา มันก็ไม่ผิดไวยากรณ์ แต่ว่ามันไม่ใช่คำศัพท์หรือวิธีการที่คนจีนใช้กัน มันก็จะฟังดูแปลกๆ 

สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น อาจเริ่มโดยดูซีรีย์ที่มีซับ อย่างไรก็ตาม หากเอาแต่ดูซีรีย์ที่มีซับ เราจะติดการอ่านซับ ทำให้ทักษะในการฟังไม่ดีนัก ดังนั้นถ้าได้ศัพท์ระดับ HSK 4 แล้ว ก็น่าจะลองดูโดยที่ไม่มีซับ จะได้เสริมทักษะด้านการฟัง รอบแรกอาจจะดูโดยไม่มีซับก่อน แล้วดูอีกรอบโดยมีซับ จะได้ทราบว่าเราฟังไม่ออกหรือฟังหลุดไปตรงไหนบ้าง

สำหรับผม ในซีรีย์เรื่องที่น่าสนใจ ผมยังจะเอามาแกะตามซับจีนทุกตัวอักษร เพื่อฝึกทักษะการอ่านและการแปล โดยจะต้องทราบความหมายของคำศัพท์ทุกคำ ตัวไหนไม่ทราบให้เปิดพจนานุกรม คำศัพท์และสำนวนที่พบทั้งหมดจะเก็บลงไฟล์เอาไว้ ถ้าเป็นคำศัพท์ใน HSK จะพยายามท่องจำให้ได้ แต่ถ้าเป็นคำศัพท์นอก HSK หากพบซ้ำอีกจึงจะค่อยพยายามท่องจำ สำหรับไวยากรณ์ส่วนไหนที่ไม่ทราบก็จะเปิดหาเอาในอินเทอร์เน็ต ค่อยๆ ทำไปครับไม่ต้องรีบ แรกๆ ก็จะช้าหน่อยเป็นธรรมดา คิดว่ากำลังดูซีรีย์สนุกๆ อยู่ก็พอ ได้ทั้งความบันเทิงและยังได้ความรู้อีกด้วย

------------------------
ผมได้รวบรวบซีรีย์และภาพยนตร์จีนซับไทยที่น่าสนใจหลายๆ แนวเอาไว้ (คลิกที่นี่)

แนะนำลิงค์
แชร์คำศัพท์ HSK 4,5,6 คำแปลภาษาไทย พร้อม flashcard ช่วยท่องคำศัพท์
เรียนภาษาอย่างไรให้ได้ใน 6 เดือน
Chinese Grammar Wiki






เรียนภาษาอย่างไรให้ได้ใน 6 เดือน

พอดีเปิดไปเจอ แต่เป็นภาษาอังกฤษ เลยจับมาแปลให้ เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างครับ
How to learn any language in six months | Chris Lonsdale | TEDxLingnanUniversity
-----------------------------------

5 Principles of Rapid Language Acquisition  (หลัก 5 ประการ ในการเรียนภาษาได้รวดเร็ว)

Principle #1: Focus on language content that is relevant to you (เน้นที่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคุณ หรือคุณจำเป็นจะต้องใช้) เช่น การเอาตัวรอดในชีวิตประจำวัน หรือเรื่องงาน หรือดูหนัง
หากจำเป็นจะต้องใช้มัน เราจะเรียนรู้ได้เร็วขึ้น เพราะจะสนใจใส่ใจเป็นพิเศษ

Principle #2: Use your New Language as a Tool to Communicate ...From Day 1  (ใช้ภาษานั้นเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเรียน)

Principle #3: When you first UNDERSTAND the MESSAGE, you will unconsciously ACQUIRE the Language!!  (เมื่อคุณเริ่ม "เข้าใจ" ข้อความนั้น คุณก็ได้ซึมซับภาษานั้นๆ ไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว)

Principle #4: Language learning is NOT ABOUT KNOWLEDGE but Physiological Training (การเรียนภาษา ไม่ใช่การสะสมความรู้ แต่เป็นการฝึกฝนใช้งานบ่อยๆ)

Principle #5: Psycho-physiological STATE Matters!  (สภาพจิตใจ-ร่างกาย มีความสำคัญ)
ถ้าคุณเศร้า โกรธ วิตกกังวล อารมณ์เสีย คุณก็จะเรียนไม่ได้  -- แต่ถ้าเรียนด้วยความผ่อนคลาย มีความสุข ก็จะเรียนได้ดี


7 Actions for Rapid Language Acquisition  (7 ข้อปฏิบัติ ในการเรียนภาษาได้รวดเร็ว)

Action #1 - Listen A LOT!  (ฟังมากๆ !)
Brain Soaking - 泡脑子
[ผู้แปล:  ขอแชร์ประสบการณ์การใช้งานภาษาอังกฤษครับ  ตั้งแต่เด็ก เรียนในโรงเรียน ก็เน้นไวยากรณ์และคำศัพท์เป็นหลัก เมื่อเข้าทำงาน ก็สามารถเอามาใช้เขียนรายงาน เขียนจดหมายได้เป็นอย่างดี เพียงแต่การพูดยังไม่ค่อยคล่องนัก  ต่อมาย้ายที่ทำงานแล้วต้องไปอยู่หอพัก มีเวลาหลังเลิกงานมาก จึงดูเคเบิ้ลทีวีช่อง HBO ซึ่งเป็นภาพยนตร์ soundtrack แต่มีซับไทย ดูรอบแรกก็ดูเอาอรรถรส อ่านซับไทยไปด้วย แต่พอ HBO เอากลับมาฉายซ้ำอีก ก็ลองหาอะไรมาบังซับไทยเอาไว้ แล้วลองดู ฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้บ้าง ก็ดูๆ ไปเรื่อยๆ ....  เวลาผ่านไป 4 เดือน ก็มีโอกาสร่วมงานติดต่อกับชาวต่างประเทศ พอได้อ้าปากพูดเท่านั้น ก็ตกใจตัวเองเลย เพราะพูดออกมาอย่างคล่องแคล่ว สำเนียงดีขึ้นมาก ไม่ติดขัดเลย  ทั้งที่ไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเลย แค่เปิดหนังดูเท่านั้น]

Action #2 - Focus on getting the meaning FIRST  (before the words)  (เน้นเอาความหมายก่อน)
เมื่อเริ่มเรียนใหม่ๆ ไม่ต้องกลัวพูดผิด ขอให้สื่อสารรู้เรื่องเป็นใช้ได้ จะใช้ภาษากาย (Body Language) หรือจะวาดภาพประกอบก็ได้

Action #3 - Start Mixing  (เอาเนื้อหาคำศัพท์ที่เรียนรู้จากต่างสถานการณ์กัน มาลองผสมกัน ลดความจำเจหรือเพื่อใช้ในสถานการณ์ใหม่ๆ)

Action #4 - Focus on the core (เน้นที่แกนหลัก)
high frequency
3000 Words Gives 98% "Coverage"
ทุกภาษา จะมีคำที่ใช้บ่อยๆ จริงๆ ไม่มากนัก การรู้คำศัพท์หลัก 3000 คำ ก็ครอบคลุมการใช้งานถึง 98% แล้ว

Action #5 - Get a Language Parent  (หา "พ่อแม่" ทางภาษา -- หาคู่สนทนา)  เหมือนเด็กทารกเวลาฝึกพูด พูดเสียงอ้อแอ้  คนนอกฟังไม่เข้าใจ แต่พ่อแม่เข้าใจ และจะค่อยๆ สอนจนพูดได้ถูกต้อง

Language Parent "Rules"  (กฎสำหรับ "พ่อแม่" ทางภาษา)
- Works to understand what you are saying  (พยายามเข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร)
- Does not correct mistakes  (ไม่แก้ข้อผิด)
- Confirms understanding by using correct language  (ยืนยันความเข้าใจ ด้วยการใช้ภาษาที่ถูกต้อง)
- Uses word the learner knows  (ใช้คำที่ผู้เรียนทราบ)

Action #6 - Copy the Face  (เลียนแบบการใช้กล้ามเนื้อบนใบหน้าเวลาพูด)
อาจถ่ายคลิปใบหน้าของเจ้าของภาษาในการพูดบางคำที่ยากๆ หากเราพูดแล้วลักษณะกล้ามเนื้อไม่เหมือน ก็แสดงว่าอาจออกเสียงไม่ถูกหลัก

Action #7 - "Direct Connect" to Mental Images  (เชื่อมโยงเข้ากับภาพในหัว)  เช่น คำว่า 火(huǒ) ก็โยงกับภาพเปลวเพลิง และควันไฟ เป็นต้น
------------------------

ในคลิปจะมีภาพประกอบ ถ้าเห็นภาพประกอบจะช่วยให้เข้าใจยิ่งขึ้น

คริส ลอนสเดล (Chris Lonsdale)  เป็นนักจิตวิทยา นักภาษาศาสตร์และนักการศึกษาชาวนิวซีแลนด์ มีประสบการณ์กว่า 30 ปีในการทำธุรกิจในเอเซีย วีดิโอบทความด้านการเรียนภาษาของเขาติด 10 อันดับสูงสุดตลอดกาลของ TEDxLingnanUniversity

การที่เอาบทความนี้มาแปล ต้องการให้ทราบหลักการและวิธีการที่ช่วยให้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะด้านจิตวิทยา ซึ่งในความเป็นจริงจะพบว่าผู้ที่เรียนได้ดี จะเป็นผู้ที่มีใจรักในวิชานั้นๆ มีความสนใจใส่ใจเรียน และตั้งใจจะเอาไปใช้ประโยชน์จริง อย่างไรก็ตามอย่าเคร่งเครียดเกินไปนัก ควรเรียนอย่างผ่อนคลายและสนุกกับการเรียน

------------------------
แนะนำลิงค์หาคู่สนทนาทางภาษา(จีน)
www.mylanguageexchange.com
www.converstionexchange.com
meetup.com













แชร์เทคนิคการจำตัวอักษรจีน

ใครที่คิดจะจำลายเส้นตัวอักษรจีนไปทั้งตัว อย่างไม่มีหลักการ ขอให้เลิกล้มความคิดนั้น เพราะสมองไม่ใช่เครื่องถ่ายเอกสาร สมองมีขีดจำกัด ถ้าไม่มีห...